๑๘๓. |
อาทิ สีลํ ปติฏฺา จ |
กลฺยาณานญฺจ มาตุกํ |
|
ปมุขํ สพฺพธมฺมานํ |
ตสฺมา สีลํ วิโสธเย. |
|
ศีลเป็นที่พึ่งเบื้องต้น เป็นมารดาของกัลยาณธรรมทั้งหลาย
เป็นประมุขของธรรมทั้งปวง เพราะฉะนั้น ควรชำระศีลให้บริสุทธิ์. |
|
(สีลวเถร) |
ขุ. เถร. ๒๖/๓๕๘. |
|
|
|
๑๘๔. |
อวณฺณจ อกิตฺติญฺจ |
ทุสฺสีโล ลภเต นโร |
|
วณฺณํ กิตฺตึ ปสํสญฺจ |
สทา ลภติ สีลวา. |
|
คนผู้ทุศีลย่อมได้รับความติเตียนและความเสียชื่อเสียง ส่วนผู้มี
ศีล ย่อมได้รับชื่อเสียงและความยกย่องสรรเสริญทุกเมื่อ. |
|
(สีลวเถร) |
ขุ. เถร. ๒๖/๓๕๗. |
|
|
|
๑๘๕. |
อิเธว กิตฺตึ ลภติ |
เปจฺจ สคฺเค จ สุมโน |
|
สพฺพตฺถ สุมโน ธีโร |
สีเลสุ สุสมาหิโต. |
|
ผู้มีปรีชา มั่งคงดีแล้วในศีล ย่อมได้รับชื่อเสียงในโลกนี้ ละไป
แล้ว ย่อมดีใจในสวรรค์ ชื่อว่าย่อมดีใจในที่ทั้งปวง. |
|
(สีลวเถร) |
ขุ. เถร. ๒๖/๓๕๘. |
|
|
|
๑๘๖. |
อิเธว นินฺทํ ลภติ |
เปจฺจาปาเย จ ทุมฺมโน |
|
สพฺพตฺถ ทุมฺมโน พาโล |
สีเลสุ อสมาหิโต. |
|
คนเขลา ไม่มั่นคงในศีล ถูกติเตียนในโลกนี้ และละไปแล้ว
ย่อมเสียใจในอบาย ชื่อว่าย่อมเสียใจในที่ทั้งปวง. |
|
(สีลวเถร) |
ขุ. เถร. ๒๖/๓๕๘. |
|
|
|
๑๘๗. |
กาเยน วาจาย จ โยธ สญฺโต
มนสา จ กิญฺจิ น กโรติ ปาปํ
น อตฺตเหตุ อลิกํ ภณาติ
ตถาวิธํ สีลวนฺตํ วทนฺติ.
|
|
ผู้ใดในโลกนี้ สำรวมทางกายวาจาและใจ ไม่ทำบาปอะไร ๆ
และไม่พูดพล่อย เพราะเหตุแห่งตน, ท่านเรียกคนอย่างนั้นว่า
ผู้มีศีล. |
|
(สรภงฺคโพธิสตฺต) |
ขุ. ชา. จตฺตาฬีส. ๒๗/๕๔๐. |
|
|
|
๑๘๘. |
ตสฺมา หิ นารี จ นโร สีลวา
อฏฺงฺคุเปตํ อุปวสฺสุโปสถํ
ปุญฺานิ กตาน สุขุทฺริยานิ
อนินฺทิตา สคฺคมุเปนฺติ านํ.
|
|
เพราะฉะนั้น หญิงและชายผู้มีศีล รักษาอุโบสถประกอบด้วย
องค์ ๘ ทำบุญอันมีสุขเป็นกำหร จึงไม่ถูกติเตียน ย่อมเข้าถึง
สถานสวรรค์. |
|
(พุทฺธ) |
องฺ. ติก. ๒๐/๒๗๖. |
|
|
|
๑๘๙. |
น เวทา สมฺปรายาย |
น ชาติ นปิ พนฺธวา |
|
สกญฺจ สีลสํสุทธํ |
สมฺปรายสุขาวหํ. |
|
เวทมนตร์ ชาติกำเนิด พวกพ้อง นำสุขมาให้ในสัมปรายภพ
ไม่ได้, ส่วนศีลของตนที่บริสุทธิ์ดีแล้ว จึงนำสุขมาใน
สัมปรายภพได้. |
|
โพธิสตฺต) |
ขุ. ชา. ปญฺจก. ๒๗/๑๗๕. |
|
|
|
๑๙๐. |
พหุสฺสุโตปิ เจ โหติ |
สีเลสุ สุสมาหิโต |
|
อุภเยน นํ ปสํสนฺติ |
สีลโต จ สุเตน จ. |
|
ถ้าเป็นพหุสูต มั่นคงดีในศีล บัณฑิตย่อมสรรเสริญเขาด้วยคุณ
๒ ประการ คือด้วยศีลและด้วยสุตะ. |
|
(พุทฺธ) |
องฺ. จตุกฺก. ๒๑/๙. |
|
|
|
๑๙๑. |
โย จ วสฺสสตํ ชีเว |
ทุสฺสีโล อสมาหิโต |
|
เอกาหํ ชีวิตํ เสยฺโย |
สีลวนฺตสฺส ฌายิโน. |
|
ผู้ไม่มีศีล ไม่มั่นคง พึงเป็นอยู่ตั้งร้อยปี, ส่วนผู้มีศีล
เพ่งพินิจ มีชีวิตอยู่วันเดียว ประเสริฐกว่า. |
|
(พุทฺธ) |
ขุ. ธ. ๒๕/๒๙. |
|
|
|
๑๙๒. |
สีลเมวิธ สิกฺเขถ |
อสฺมึ โลเก สุสิกฺขิตํ |
|
สีลํ หิ สพฺพสมฺปตฺตึ |
อุปนาเมติ เสวิตํ. |
|
พึงศึกษาศีลในโลกนี้ เพราะศีลที่ศึกษาดีแล้วเสพแล้วในโลกนี้
ย่อมน้อมนำมาซึ่งสมบัติทั้งปวง. |
|
(สีลวเถร) |
ขุ. เถร. ๒๖/๓๕๗. |
|
|
|
๑๙๓. |
สีลํ รกฺเขยฺย เมธาวี |
ปตฺถยาโน ตโย สุเข |
|
ปสํสํ วิตฺติลาภญฺจ |
เปจฺจ สคฺเค ปโมทนํ. |
|
ผู้มีปัญญาเมื่อปรารถนาสุข ๓ อย่าง คือ ความสรรเสริญ
ความได้ทรัพย์ และความละไปบันเทิงในสวรรค์ ก็พึงรักษาศีล. |
|
(สีลวเถร) |
ขุ. เถร. ๒๖/๓๕๗. |
|
|
|
๑๙๔. |
สีลวา หิ พหู มิตฺเต |
สญฺเมนาธิคจฺฉติ |
|
ทุสฺสีโล ปน มิตฺเตหิ |
ธํสเต ปาปมาจรํ. |
|
ผู้มีศีลย่อมได้มิตรมากด้วยความสำรวม ส่วนผู้ไม่มีศีล
ประพฤติชั่ว ย่อมแตกจากมิตร. |
|
(สีลวเถร) |
ขุ. เถร. ๒๖/๓๕๗. |
|
|
|